ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ยังรอการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อ ไป แต่เนื่องจากจำนวนอวัยวะจากผู้บริจาคนั้นไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดแนวคิดที่จะนำเซลล์ต้นกำเนิดมาเพาะเลี้ยงให้เป็นอวัยวะที่ต้องการ (organ-level tissue engineering) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการค้นคว้าในห้องทดลอง เพื่อจะนำมาใช้กับผู้ป่วยได้จริงในอนาคต
เนื่องจากแต่ละอวัยวะมีความซับซ้อนมากทั้งด้านรูปร่าง และการทำงาน เช่น ไตซึ่งมีรูปร่างเป็นท่อ และมีรูปทรงเป็นสามมิติ นอกจากนั้นยังมีหน้าที่หลายอย่างทั้งการกรองของเสีย การสร้างปัสสาวะ และการหลั่งฮอร์โมน ดังนั้นการจะบังคับให้เซลล์ต้นกำเนิดเจริญเป็นอวัยวะที่ครบสมบูรณ์ดังกล่าว ทำได้ยากมาก อย่างไรก็ตามความพยายามของมนุษย์ก็มิได้มีขีดจำกัดเช่นกัน ปัจจุบันอวัยวะที่มีความหวังว่าจะทำได้สำเร็จคือ การทำท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากมีความซับซ้อนน้อยกว่า โดยการสกัดเซลล์ต้นกำเนิดมาเพียง 1 ตารางเซนติเมตรก็สามารถเพาะเลี้ยงจนพัฒนาเป็นเซลล์บุท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ (Urothelial cell)[2] ได้ถึง 4,202 ตารางเมตร หรือมีพื้นที่พอๆ กับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว และในปีค.ศ. 1998 ได้มีนำเซลล์ต้นกำเนิดที่เพาะเป็นกระเพาะปัสสาวะมาใช้รักษาผู้ป่วย 7 ราย ที่ป่วยเป็นโรคการทำงานของกระเพาะปัสสาวะผิดปกติ หลังจากได้รับการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะ (Cystoplasty) แล้ว พบว่า กระเพาะปัสสาวะทำงานได้ดีขึ้นชัดเจนทั้งการขยายตัว ความจุ และการกลั้นปัสสาวะ ปัจจุบันการศึกษาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะยังคงพัฒนาต่อไปในระยะที่ 2 ขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA phase2) ก่อนที่จะนำมาใช้ในวงกว้างต่อไป
ใน ร่างกายของเรามีเซลล์ต้นกำเนิดอยู่ภายในไขกระดูกและเนื้อเยื่ออื่นต่างๆ เช่น เซลล์ไขมัน สมอง และกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถนำมาเพาะเลี้ยงเป็นเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อใช้งานได้ ซึ่งปัจจุบันได้มีการศึกษาทดลองอย่างกว้างขวาง แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากความยากในการเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดให้มีชีวิตรอดนั้นจำเป็นต้อง อาศัย สภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเฉพาะ และต้องดูแลอย่างเข้มงวดทุกกระบวนการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสิทธิมนุษยชน และจริยธรรมทางการวิจัยมากำกับควบคุมอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น