Hyaluronic acid (ไฮยาลูรอนิค แอซิด)
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเอ่ยถึงการเพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัย การป้องกันความเหี่ยวย่นบนใบหน้า หรือผิวที่ขาดความชุ่มชื้น คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงการการเสริมสร้างคอลลาเจน (Collagen) กับ อีลาสติน (Elastin) บนผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวันอันควร การใช้เซรั่มลดเลือนริ้วรอย (ซึ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วก็ได้แก่ เซรั่มวิตามินซี หรือ retin-a) หรือแม้กระทั้งการรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจน การดื่มน้ำให้เพียงพอ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ ก็มีส่วนช่วยได้เช่นกัน แต่ก็ยังมีวิธีการอื่นๆอีกหลายอย่างที่พอจะช่วยป้องกันริ้วรอยและช่วยเติมน้ำให้ผิวได้ง่ายๆ นั่นก็คือ กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid)
(บางครั้งจะได้ยินว่า Hyaluronan หรือ hyaluronate ซึ่งก็เป็นจำพวกเดียวกัน) คือสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง โดยทั่วไปจะพบอยู่มากที่บริเวณจุดเชื่อมต่อ ข้อต่อ ข้อเข่า เนื้อเยี่อ เซลล์ผิวหนั่ โดยมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี (โดยเฉพาะที่ข้อต่อ ข้อเข่าต่างๆ) และเพิ่มความยืดหยุ่นความชุ่มชื่นให้แก่เซลล์ผิวหนัง เพราะHyaluronic acid มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก
หากร่างกายขาด Hyaluronic acid ก็จะส่งผลให้ปวดข้อเข่าข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวดเวลาเดินเพราะไม่มีตัวช่วยลดการเสียดสี ระหว่างกระดูกข้อต่อนั่นเอง และอาจส่งผลให้เซลล์ผิวขาดความยืดหยุด ความชุ่มชื้น หยาบกร้าน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวมีสุขภาพไม่ดี ด้วยเหตุนี้ จึงมีการนำ Hyaluronic acid มาใช่ในวงการแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาปวดข้อเข่าข้อต่อ รวมถึง ใช้ในวงการความงาม ทั้งในรูปของอาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมทั้งการฉีด Dermal Filler ซึ่งเป็นการใช้ Hyaluronic acid มาช่วยป้องกันริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มให้แก่เซลล์ผิวแล้วก็ยังช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเซลล์ ช่วยให้คอลาเจนและอีลาสตินประสานกันอย่างมั่นคงมากขึ้น ที่สำคัญมีความปลอดภัยสูงมากๆ
นอกจากนี้ กรดไฮยาลูรอนิคยังช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วขึ้นถึง 80% ทำให้ผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น ช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง และโดยทั่วไปแล้วการไหลเวียนของเลือดจะเป็นตัวนำของเสียออกจากเซลล์แต่สำหรับเซลล์ผิวที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง กรดไฮยาลูรอนิคนั้นจะะช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวและช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์เหล่านั้นอีกด้วย
แต่เมื่อร่ายกายมีอายุมากขึ้น การผลิต Hyaluronic Acid ตามธรรมชาติของร่างกายก็ลดน้อยลงไป ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของสภาพผิวหนังที่แห้งมากขึ้น ขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยมากขึ้น ปวดข้อเข่าขณะเดินมากขึ้น ซึ่งปัญหาก็จะมีมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้นตามละดับ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิค ก็จะมีส่วนช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่าจากปัญหาเข่าเสื่อมได้ในระดับหนึ่ง
โดยสรุป ประโยชน์ของ กรดไฮยาลูรอนิค Hyaluronic acid (HA) คือ ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้แก่ผิวตามธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื้นถึงผิวชั้นใน ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงกระชับ ป้องกันและบรรเทาอาการปวดข้อเข่าและข้อเสื่อมของเนื้อเยื่อข้อต่อกระดูก ปกป้องเรติน่าของดวงตา
กรดไฮยาลูรอนิค Hyaluronic Acid (HA) คืออะไร
กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เรียกสั้นๆว่า HA(บางครั้งจะได้ยินว่า Hyaluronan หรือ hyaluronate ซึ่งก็เป็นจำพวกเดียวกัน) คือสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง โดยทั่วไปจะพบอยู่มากที่บริเวณจุดเชื่อมต่อ ข้อต่อ ข้อเข่า เนื้อเยี่อ เซลล์ผิวหนั่ โดยมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี (โดยเฉพาะที่ข้อต่อ ข้อเข่าต่างๆ) และเพิ่มความยืดหยุ่นความชุ่มชื่นให้แก่เซลล์ผิวหนัง เพราะHyaluronic acid มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก
หากร่างกายขาด Hyaluronic acid ก็จะส่งผลให้ปวดข้อเข่าข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวดเวลาเดินเพราะไม่มีตัวช่วยลดการเสียดสี ระหว่างกระดูกข้อต่อนั่นเอง และอาจส่งผลให้เซลล์ผิวขาดความยืดหยุด ความชุ่มชื้น หยาบกร้าน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวมีสุขภาพไม่ดี ด้วยเหตุนี้ จึงมีการนำ Hyaluronic acid มาใช่ในวงการแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาปวดข้อเข่าข้อต่อ รวมถึง ใช้ในวงการความงาม ทั้งในรูปของอาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมทั้งการฉีด Dermal Filler ซึ่งเป็นการใช้ Hyaluronic acid มาช่วยป้องกันริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มให้แก่เซลล์ผิวแล้วก็ยังช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเซลล์ ช่วยให้คอลาเจนและอีลาสตินประสานกันอย่างมั่นคงมากขึ้น ที่สำคัญมีความปลอดภัยสูงมากๆ
ประโยชน์ของกรดไฮยาลูรอนิค Hyaluronic Acid (HA)
เมื่อร่างกายผลิต Hyaluronic Acid ขึ้นก็จะไปหล่อผิวหนังชั้นในซึ่งอยู่ล่างสุด (dermis) และกระจายไปถึงผิวหนังชั้นบน (epidermis) ประโยชน์ที่สำคัญของ Hyaluronic Acid คือ จะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปรกติหลายเท่าตัว โดยที่ไม่เพิ่มความมันเงาวาวอย่างการผลิตน้ำมันของ sebum บนผิวชั้นนอก และเซลล์ผิวมีความชุ่มชื่นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนกว่าเยาว์ เนียนเรียบขึ้น ริ้วรอยลดลง มีความยืดหยุ่น นุ่มนวล และดูมีชีวิตชีวานอกจากนี้ กรดไฮยาลูรอนิคยังช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วขึ้นถึง 80% ทำให้ผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น ช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง และโดยทั่วไปแล้วการไหลเวียนของเลือดจะเป็นตัวนำของเสียออกจากเซลล์แต่สำหรับเซลล์ผิวที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง กรดไฮยาลูรอนิคนั้นจะะช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวและช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์เหล่านั้นอีกด้วย
แต่เมื่อร่ายกายมีอายุมากขึ้น การผลิต Hyaluronic Acid ตามธรรมชาติของร่างกายก็ลดน้อยลงไป ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของสภาพผิวหนังที่แห้งมากขึ้น ขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยมากขึ้น ปวดข้อเข่าขณะเดินมากขึ้น ซึ่งปัญหาก็จะมีมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้นตามละดับ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิค ก็จะมีส่วนช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่าจากปัญหาเข่าเสื่อมได้ในระดับหนึ่ง
โดยสรุป ประโยชน์ของ กรดไฮยาลูรอนิค Hyaluronic acid (HA) คือ ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้แก่ผิวตามธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื้นถึงผิวชั้นใน ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงกระชับ ป้องกันและบรรเทาอาการปวดข้อเข่าและข้อเสื่อมของเนื้อเยื่อข้อต่อกระดูก ปกป้องเรติน่าของดวงตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น